พรรณไม้งามพระนามราชสกุลมหิดล ตอนที่ ๒
เนื่องในวโรกาสเดือนอันเป็นมหามงคลที่พสกนิกรชาวไทยจะได้ร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าผู้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม และครองใจเหล่าทวยราษฎร์ทุกหมู่เหล่า และในเดือนธันวาคมนี้จึงขอกล่าวถึงพรรณไม้งามพระนามราชสกุลมหิดล ซึ่งเป็นตอนที่ ๒ โดยจะได้กล่าวถึงพรรณไม้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานชื่อทั้งสองชนิด คือ ทิวลิปคิงภูมิพล และ ภูมิพลินทร์
“นามพรรณไม้ราชสกุลมหิดล | คิงภูมิพล ทิวลิป เหลืองงามอร่าม |
สีสวยสดงดงามเลื่องลือนาม | เนื่องด้วยความภักดีรัฐราษฎร์ไทย |
ภูมิพลินทร์ งามพรรณศรีสง่า | ปวงประชาชื่นชมสมสมัย |
เทิดพระเกียรติถวายพระพรชัย | เหล่าข้าฯ ไท้ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมาน์ออเบิอร์น (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ (Cambridge) รัฐแมสซาชูเชตต์ (Massachusetts) สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีเถาะ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระเชษฐภคินี และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช คือสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า “แผ่นดิน” และ พล หมายความว่า “พลัง” รวมกันแล้วหมายถึง “พลังแห่งแผ่นดิน”
อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า “ไม่อาจเทียบได้” และ เดช หมายความว่า “อำนาจ” รวมกันแล้วหมายถึง “ผู้มีอำนาจที่ไม่อาจเทียบได้”
และพระปรมาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร”
ย้อนไปเมื่อราวปีพุทธศักราช ๒๕๔๙ ในวันที่ ๙ มิถุนายน นับเป็นมหามงคลสมัยอันประเสริฐยิ่งที่ปวงพสกนิกรชาวไทยทั้งหลายทุกหมู่เหล่า ต่างปลื้มปิติโสมนัสที่ได้แสดงความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวที และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างอเนกอนันต์หาที่สุดมิได้ จึงได้พร้อมใจจัดงานเฉลิมฉลองให้สมพระเกียรติฯ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ภาพแห่งความจงรักภักดีที่ทั้งบุคคลในทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแสดงออกนั้นได้ปรากฏต่อสายตาอาณาประชาราษฎร์ทั่วทุกมุมโลก และทำให้ทั่วโลกได้รู้จักพระองค์ในพระนาม “King of the Kings” พระมหากษัตริย์ที่ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในประวัติศาสตร์ไทย และในโลกตราบจนถึงปัจจุบัน จากเหตุการณ์ดังกล่าวนายกลาส คูไดค์ เกษตรกรชาวดัตช์ เจ้าของบริษัท FA.P. Koeddiik & Zn ได้รับแรงบันดาลใจในการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ตั้งชื่อดอกทิวลิป “King Bhumibol” ให้แก่ดอกทิวลิปสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบ ซึ่งมาจากความประทับใจ ในความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ในช่วงการจัดงานเฉลิมฉลองในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี และในปี ๒๕๕๒ สำนักราชเลขาธิการได้แจ้งว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อดอกทิวลิป “King Bhumibol”
สำหรับดอกทิวลิป “King Bhumibol” มีสีเหลืองนวลทั้งดอก ความสูงของดอก และก้านรวม ๔๕ เซนติเมตร ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จากดอกทิวลิป Prince Claus ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากดอกทิวลิป สายพันธุ์ Judith Leyster ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ดีมากสายพันธุ์หนึ่ง ในบรรดาสายพันธุ์ดอกทิวลิปของประเทศเนเธอร์แลนด์ และได้รับพระราชทานชื่อจาก Prince Claus พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ แห่งเนเธอร์แลนด์
“งาม ทิวลิป ชื่อนี้ | คิงภูมิพล |
เหลืองอร่ามน่ายินยล | มิ่งไม้ |
ราษฎร์รัฐภักดีพล | เฉลิมราชย์ |
ถวายพระพรไท้ | แซ่ซ้องสดุดี” |
สำหรับ “ภูมิพลินทร์” เป็นพรรณไม้ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญ พระปรมาภิไธยเป็นชื่อวิทยาศาสตร์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อพรรณไม้ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔ ว่า
“ภูมิพลินทร์” แปลว่า พรรณไม้ที่เป็นศรีสง่าแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช จัดเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ชาฤาษี (GESNERIACEAE) ชื่อวิทยาศาสตร์ Trisepalum bhumibolianum แหล่งที่สำรวจพบบริเวณ แก่งหินปูน เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน
ลักษณะ เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง ๒๐ - ๖๐ เซนติเมตร ลำต้นส่วนล่างเป็นไม้เนื้อแข็ง เปลือกไม้แตกเป็นร่องตามแนวยาวสีน้ำตาลอมเทา กิ่งมีขนาดเล็กและเรียว ใบ เป็นใบเดี่ยวรูปรีหรือรูปไข่ กว้าง ๑.๕ - ๒.๕ เซนติเมตร ยาว ๒.๕ - ๖ เซนติเมตร ปลายใบมีลักษณะมน โคนใบเป็นรูปลิ่ม ใต้ใบปกคลุมด้วยขนเหมือนใยแมงมุม สีขาว ก้านใบยาว ๓ - ๗ มิลลิเมตร ใบจะเรียงตัวตรงข้ามสลับตั้งฉาก ช่อดอก เป็นกระจุกสั้น เกิดที่ยอดหรือใบใกล้ปลายกิ่ง ใบประดับและใบประดับย่อยรองรับดอก กลีบเลี้ยงห้ากลีบ เป็นสีเขียว โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด กลีบดอกเป็นรูประฆังสีชมพูหรือม่วงอ่อน ผล แบบผลแห้งแตก เมื่อผลแก่จะบิดเป็นเกลียว ภายในมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก เนื่องจากเป็นพืชที่มีการสำรวจพบใหม่ อีกทั้งยังเป็นพืชที่มีลักษณะของถิ่นที่อยู่เฉพาะ จึงไม่สามารถนำมาปลูกจัดแสดงภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้ จึงนำลักษณะเด่นพร้อมทั้งรูปภาพของพรรณไม้ดังกล่าวมาให้ชมกันก่อนครับ
“งามพรรณสง่าไม้ | เพียงดิน |
ชื่อ ภูมิพลินทร์ | คู่ฟ้า |
ดั่งพระสยามมินทร์ | ยศยิ่ง |
ธ ปกครองเหล่าข้าฯ | อยู่ยั้งเพียงดิน” |
นับเนื่องเวลา ๘๕ พรรษา แห่งการประสูติกาล และ ๖๖ ปีแห่งการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทุ่มเทพระวรกายและพระสติปัญญา ทรงกอปรพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ มากมาย โดยคำนึงถึงประโยชน์สุขของพสกนิกรเป็นหลัก ตลอดระยะเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติ พระองค์ทรงให้ทุกอย่างกับพสกนิกร และชาติบ้านเมือง ทรงงานอย่างหนัก เสียสละประโยชน์สุขส่วนพระองค์ ตรากตรำพระวรกายอย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก เพียงเพื่อมุ่งหวังให้พสกนิกรทั่วราชอาณาจักรมีความสงบร่มเย็น และมีความกินดีอยู่ดี พระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยนั้นใหญ่หลวงนัก สมดังที่ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมของเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า อุทยานหลวงราชพฤกษ์
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
กวีศิลป์ คำวงค์
อ้างอิง http://www.siamensis.org/webboard/topic/7375 และ http://www.weloveorchid.com/