สวพส. จุดประกายพื้นที่สูงสู่ “Net Zero Emissions”
ต้นแบบการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน
.
จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการสัมมนาการเกษตรภาคเหนือ ณ สำนักเกษตรภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 ทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของพื้นที่สูงในฐานะแหล่งต้นน้ำ ทำให้เห็นว่าการให้ประโยชน์แก่ชุมชนผ่าน “ป่า 3 อย่าง” จะสร้างแรงจูงใจให้เกิดการรักษาป่า “นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการน้อมนำหลักคิดและแนวทางพระราชทานในการพัฒนาพื้นที่สูง เพื่อให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล”
.
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง หรือ สวพส. มีจุดเริ่มต้นจากหลักความพอเพียงตามพระราชดำริอันทรงคุณค่าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ภายใต้แนวคิด “คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสมดุล” และต่อเนื่องมาสู่การประยุกต์ใช้แนวคิด “ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” อันเป็นรากฐานของการพัฒนาพื้นที่สูงที่ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันของคนและธรรมชาติอย่างยั่งยืน สวพส. ได้ผสานองค์ความรู้ทางวิชาการเข้ากับภูมิปัญญา ท้องถิ่น เพื่อสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม การรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและนำมาสู่การผลักดันให้มีการปลูก รักษาและดูแลพรรณไม้ตลอดจนการฟื้นฟูระบบนิเวศ การศึกษาวิจัยต่างๆ เพื่อพัฒนาให้ สวพส. เป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบที่รวบรวมและเผยแพร่องค์ความรู้ที่หลากหลายและการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ได้จริงในพื้นที่ต้นแบบและต่อยอดไปสู่การพัฒนาในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
.
โดยในช่วงเช้าของวันที่ 20 สิงหาคม 2568 องคมนตรีอำพน กิตติอำพน ที่ปรึกษาพิเศษ คณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เป็นประธานเปิดงานสัมมนา Open House การขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO EMISSIONS) ของ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ซึ่งการจัดสัมมนาในครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอผลการดำเนินงานและแลกเปลี่ยนแนวทางการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และยังเป็นการถอดบทเรียนการดำเนินงานนิเวศบริการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากประสบการณ์ตรงของชุมชนในการดำเนินงานนิเวศบริการในพื้นที่นำร่อง ทั้งในแง่ความสำเร็จ อุปสรรคและแนวทางการแก้ปัญหา รวมทั้งเป็นการเชื่อมโยงหน่วยงานเพื่อสร้างแนวทางการส่งเสริมและพัฒนานิเวศบริการและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการดำเนินโครงการเพื่อช่วยชุมชนให้สามารถดูแลป่า รักษาทรัพยากรสำคัญของชาติได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการเสวนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมรับฟังและมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนมุมมอง อันเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายร่วมกัน พร้อมลงพื้นที่ชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์ และชมนิทรรศการ ณ พื้นที่สวนป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง โดยมีหัวข้อนิทรรศการ ดังนี้
- การตรวจวัดปริมาณคาร์บอนของต้นไม้ในการประเมินการกักเก็บก๊าซเรือนกระจก ของ สวพส.
- การอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพบนพื้นที่สูงและการวิจัยและพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูงคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
- การตัดแต่งไม้ยืนต้นต่อการเจริญเติบโตและศักยภาพการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพ
- การผลิตและการใช้ประโยชน์จากถ่านชีวภาพ Biochar
.
สำหรับการขับเคลื่อนสู่ Net Zero Emissions ขององค์กร สวพส. ได้ผลักดันการดำเนินงานให้สอดคล้องและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้และหลักการสากลเกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้ตั้งเป้าหมายเพื่อเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2570 และมีแผน Net Zero Pathway เพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยมุ่งเน้นการลดการปล่อยควบคู่กับการเพิ่มการดูดซับคาร์บอน ด้วยการพิจารณาจากศักยภาพของกิจกรรมและทรัพยากรทั้งในพื้นที่สถาบันฯ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ และพื้นที่ขยายผลร่วมกับชุมชน ทุกกิจกรรมของ สวพส. ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่า การจัดการทรัพยากร หรือการสร้างอาชีพ ทางเลือกล้วนเชื่อมโยงสู่เป้าหมาย Net Zero โดยใช้กรอบแนวคิด PES (Payment for Ecosystem Services) หรือการจ่ายค่าตอบแทนเพื่อการให้บริการของระบบนิเวศ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างคุณค่าและผลตอบแทนจากการดูแลระบบนิเวศให้แก่ชุมชน โดยชุมชนจะเป็นผู้ดูแลพื้นที่และได้รับผลตอบแทนทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการรักษาระบบนิเวศให้คงอยู่ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้แนวทางของ สวพส. แตกต่างจากหน่วยงานอื่นอย่างชัดเจน เพราะ สวพส. ไม่ได้เพียงจัดการป่าเพื่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ที่หมุนรอบการให้บริการของระบบนิเวศ ซึ่งสามารถขยายผลได้จริงในพื้นที่สูง และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่การบรรลุเป้าหมาย Net Zero อย่างยั่งยืน
.
ที่ผ่านมา สวพส. ได้ขับเคลื่อนงานด้านนี้อย่างจริงจังผ่านหลายแนวทางการศึกษาวิจัย หาความรู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น
- การใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- การวัดปริมาณคาร์บอนในต้นไม้รายต้น เพื่อประเมินศักยภาพการดูดซับคาร์บอน
- การจัดการทรัพยากรอย่างครบวงจรตั้งแต่การแปรรูปเศษกิ่งไม้จากการดูแลต้นไม้ให้เป็นปุ๋ยหมัก ลด การฝังกลบ
- การผลิตไบโอชาร์ (Biochar) ซึ่งไม่เพียงลดปริมาณขยะอินทรีย์ แต่ยังช่วยกักเก็บคาร์บอนในดิน
- การศึกษาการตัดแต่งกิ่งไม้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูดซับคาร์บอน
- นิเวศบริการ เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาพื้นที่บริการทางระบบนิเวศ (Ecosystem services) โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนบนพื้นที่สูงและการศึกษารูปแบบของนิเวศบริการ และการใช้ประโยชน์จากป่าไม้ และความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ละบริบท ชุมชนบนพื้นที่สูง โดยดำเนินงานนำร่องในพื้นที่ 3 ชุมชน พื้นที่ 4,096 ไร่ คาดว่าในปี 2570 จะมีศักยภาพในการดูดกลับไม่น้อยกว่า 2,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และจะขยายพื้นที่ดำเนินงานให้ได้ 300,000 ไร่ ในปี 2575 ซึ่งจะทำให้ในพื้นเป้าหมายมีศักยภาพในการดูดซับไม่น้อยกว่า 240,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
- การประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร (CFO) และการวางแผนลดการปล่อยอย่างต่อเนื่องในทุกหน่วยงานของสถาบันฯ
.
จากแนวคิดและแนวทางในการดำเนินงานที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรบนเส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมาย Net Zero สามารถสรุปหลักการดำเนินงานของ สวพส. ได้ 3 ประการ ดังนี้
1. สวพส. ดำเนินการในรูปแบบการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างองค์ความรู้ที่สามารถอ้างอิงได้ทางวิชาการ และนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลได้จริง
2. จากองค์ความรู้และผลการศึกษาวิจัย สามารถนำไปสู่การปฏิบัติและขยายผลไปยังพื้นที่เป้าหมายภายใต้การดูแลของ สวพส. เพื่อมุ่งเน้นการอนุรักษ์และจัดการป่าในพื้นที่สูงให้เป็นไปอย่างเกื้อกูลและยั่งยืน
3. ด้วยองค์ความรู้ ข้อมูลและผลการศึกษาวิจัยที่ใช้ได้จริงและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและชุมชนทั้งบนพื้นที่สูงและพื้นที่อื่นๆ ที่สนใจนำไปสู่การพัฒนาให้ สวพส. เป็นแหล่งเรียนรู้ต่อไป
.
ซึ่งทั้งหมดนี้ คือ การมุ่งสู่เป้าหมายที่ชัดเจนใน ปี 2570 เพื่อเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของ สวพส. คือ การเป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบที่รวบรวมและเผยแพร่องค์ความรู้ที่หลากหลายและการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ได้จริงและสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
-------
เรา คือ อดีตที่วางรากฐานไว้อย่างมั่นคง
เรา คือ ปัจจุบันที่ลงมือเปลี่ยนแปลงด้วยข้อมูลและเป้าหมาย
และเรา คือ อนาคต…ที่คุณสามารถร่วมสร้างได้
สวพส. พร้อมแล้ว... แล้วคุณล่ะ พร้อมหรือยัง?
-------
Share this Post :